วันจันทร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2553

การส่งเสริมการเรียนรู้ในห้องสมุดอาชีวศึกษา

บทความนี้ เป็นการบรรยายในฐานะวิทยากรร่วมเสวนา เรื่อง แนวคิดใหม่ในการส่งเสริมการเรียนรู้ในห้องสมุด จัดโดย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสานร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา วันที่ 23 กันยายน 2553 ณ สำนักวิทยบริการและหอสมุด มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน

ก่อนอื่น ต้องขอขอบคุณคณะกรรมการจัดงานในครั้งนี้ ที่ให้โอกาสมาแสดงความคิดเห็น เนื่องจากผู้ที่มาร่วมประชุมในครั้งนี้ เป็นอาจารย์บรรณารักษ์จากห้องสมุดของสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษา ซึ่งเทียบกันไม่ได้กับห้องสมุดของอาชีวศึกษา ชื่อเป็นวิทยาลัยก็จริงแต่ห้องสมุดมีลักษณะห้องสมุดโรงเรียนเสียละมาก
ผู้เรียนสายอาชีพ ไม่เหมือนกับผู้เรียนสายสามัญ เพราะการเรียนส่วนใหญ่จะเป็นปฏิบัติ วิชาที่เรียนจะเน้นการปฏิบัติเป็นหลัก เพื่อให้ผู้เรียนประกอบอาชีพได้ วิทยาลัยเทคนิคนครปฐม มีวัฒนธรรมการเรียนรู้ไม่เหมือนที่อื่น คือ ครูจะสอน แล้วนักศึกษาต้องปฏิบัติตามใบงาน เมื่อปฏิบัติแล้วต้องเขียนอธิบาย ซึ่งนักศึกษาต้องอาศัยห้องสมุด เพราะไม่ถนัดที่จะเขียนเอง จึงมาค้นคว้า และเขียนตามหนังสือ ห้องสมุดต้องหาหนังสือและสื่อที่ตอบสนองความต้องการของนักศึกษาให้ได้ ครูที่ สั่งงานนักศึกษา ไม่เคยมาสำรวจว่าห้องสมุดมีหนังสือหรือไม่ จึงเป็นหน้าที่ของบรรณารักษ์ที่ต้องหามาให้ได้ ถ้าไม่มีในห้องสมุด ก็ต้องไปหามาจากห้องสมุดอื่น เพื่อสร้างความประทับใจให้กับนักศึกษา ดังนั้น แนวทางในการส่งเสริมการเรียนรู้ในห้องสมุด วิธีการแรก คือ สร้างความประทับใจให้กับผู้ใช้บริการ จุดเริ่มต้นของความประทับใจนี่เอง ทำให้นักศึกษาเห็นความสำคัญของห้องสมุด เมื่อเห็นว่าห้องสมุดสำคัญ เวลาว่าง จะมาห้องสมุด ใช้ห้องสมุดเป็นสถานที่พบปะกัน ทำการบ้าน รวมถึงเป็นที่นั่ง ที่นอน ในยามเหนื่อยล้า บรรณารักษ์จะต้องมีปิยวาจา มีของชำร่วยเป็นลูกอม บ้าง เพื่อให้เกิดสัมพันธภาพที่ดีต่อกันในระยะยาว วิธีการที่ 2 ส่งเสริมให้นักศึกษาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน นักศึกษาของวิทยาลัยเทคนิคนครปฐม ที่เข้าห้องสมุด ไม่ได้มีเฉพาะนักศึกษาคงแก่เรียน แต่มีหลากหลาย ทำการบ้านวิชาคณิตศาสตร์ไม่ได้ ก็มาห้องสมุด เพราะจะมีนักศึกษาที่คงแก่เรียนมาสิงอยู่ บรรณารักษ์ต้องเป็นคนช่างสังเกต ช่างจำ เพราะจะทำให้มีการส่งเสริมการเรียนรู้ วิธีการแรก ที่ไม่ต้องลงแรงมานัก โดย จัดให้ 2 กลุ่มนี้ พบกัน มีหนังสือคณิตศาสตร์เป็นสื่อ มีการติวกันเกิดขึ้น สิ่งที่บรรณารักษ์จะทำคือ ไม่ให้ทำการบ้านให้กัน ต้องอธิบาย บรรณารักษ์จะหาหนังสือที่ต้องใช้ หากระดาษมาให้ กำหนด โต๊ะสำหรับสอนกันให้ รวมทั้งนัดเวลาในครั้งต่อๆ ไป จนเกิดเป็นวัฒนธรรมขึ้น
วิธีการที่ 3 บรรณารักษ์ต้องมีจิตให้บริการ สำหรับตนเอง มีความรู้ในวิชาภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ชนิดที่เขียนสุนทรพจน์ คำกล่าว ต่างๆ รวมทั้งแปลอังกฤษเป็นไทย ได้ จะมีนักศึกษาอีกกลุ่มหนึ่ง มาปรึกษา ให้สอน ทบทวน สิ่งที่เรียนมา นักศึกษาในกรณีนี้ จะมากันเป็นกลุ่ม เราต้องไม่สอนอย่างเดียว แต่เราต้องหาหนังสือที่มีเรื่องนั้นมาให้นักศึกษาดูและอธิบายคำถาม วิธีการตอบ ถ้าเป็นภาษาอังกฤษ ต้องให้เปิดพจนานุกรม ด้วย นักศึกษาจะเกิดการเรียนรู้ และทำได้เองในครั้งต่อไป วิธีการที่ 4 นักศึกษาที่จะจบการศึกษา ต้องทำโครงงานทั้งในระดับ ปวช. และ ปวส. ปวช. หมายถึงระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ เทียบเท่ากับระดับมัธยมปลาย ส่วน ปวส. หมายถึงระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง เทียบได้กับนักศึกษามหาวิทยาลัยปีที่ 2 ทั้ง 2 กลุ่มนี้มีพื้นฐานในการทำโครงงานต่างกัน ครูที่สอนก็จะมีพื้นฐานวิจัยไม่เท่ากัน ดังนั้น สิ่งที่ห้องสมุดจะทำได้ คือ มอบรายชื่อบทคัดย่อโครงงานที่ห้องสมุดมีให้กับแผนกช่าง ติดต่อไปที่ครูผู้สอน และแจ้งให้ทราบว่าห้องสมุดมีโครงงานสมบูรณ์ทั้งหมด ที่นักศึกษารุ่นที่ผ่านมาเคยทำไปแล้ว ครูผู้สอนจะให้นักศึกษามาศึกษาโครงงานเก่า บรรณารักษ์จะต้องนำโครงงานมาอธิบายว่า เล่มใดมีความถูกต้อง สมควรดูเป็นตัวอย่าง เล่มใดไม่สมบูรณ์ มีการเขียนผิดพลาด โครงงานใด สามารถไปทำใหม่เป็นการพัฒนานวัตกรรม หรือต่อยอด เป็นโครงงานชิ้นใหม่ได้ รวมทั้งอธิบายวิธีการเขียน ความเป็นมาของโครงการในบทที่ 1 และ วรรณกรรมงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ในบทที่ 2 และขอครูผู้สอน เป็นผู้ร่วมตรวจเอกสารโครงงานด้วย ทำให้นักศึกษา เห็นความสำคัญ ของการใช้ห้องสมุด และเกิดการเรียนรู้การทำโครงงาน วิธีการที่ 5 จัดกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ ได้แก่ การจัดนิทรรศการ ทั้งนิทรรศการในวันสำคัญ นิทรรศการหนังสือใหม่ กิจกรรมส่งเสริมการอ่าน สำหรับกิจกรรมส่งเสริมการอ่านที่จัด จะเป็นการสะสมแต้มยืมหนังสือ นักศึกษาส่วนใหญ่ชอบอ่านหนังสืออยู่แล้ว เมื่อมีแรงกระตุ้น จะทำให้เกิดพลังอยากอ่านมากขึ้น เมื่ออ่านจบ ครูจะถามเนื้อหาย่อๆ ความคิดเห็นเกี่ยวกับหนังสือ สนุกไหม ชอบตรงไหน เมื่อสิ้นสุดโครงการ จะสอบถามความคิดเห็น โดยเขียนเรียงความ แสดงความคิดเห็น ทุกคนที่เขียนจะได้ปากกา ใครเขียนได้ดี จะได้รางวัล ใหญ่เป็นกล่องดินสอ วิธีที่ 6 จัดหาสื่อให้หลากหลาย และตรงตามต้องการ ในห้องสมุดวิทยาลัยเทคนิคนครปฐม มีมุมเกม ให้เล่นหมากรุก หมากฮอส หมากล้อม สแครบเบิ้ล และมีหนังสือเกี่ยวกับการเล่น มีห้องฉายภาพยนตร์จากเคเบิ้ลและ มุมโทรทัศน์เพื่อการศึกษา มีห้องอินเทอร์เน็ตให้ค้นคว้า มีหนังสือที่ผู้ใช้สามารถเสนอซื้อได้ เลือกจากร้านหนังสือก็ได้ หนังสือต้องอ่านง่าย เล่มไม่หนา มีภาพประกอบ มีเกมคอมพิวเตอร์ เถ้าแก่น้อย ไว้ฝึกสมอง นักศึกษาแต่ละคนชอบไม่เหมือนกัน ใครชอบอ่าน จะสมัครสมาชิก bookclub ใครไม่ชอบ จะดูหนัง ฟังเพลงบ้าง อ่านการ์ตูนบ้าง แต่ครูจะคอยแทรกสาระ โดยการพูดคุย ไปบ้างเพื่อให้เกิดการเรียนรู้แต่อย่างช้าๆ ใครชอบคอมพิวเตอร์ จะเล่นเกมบ้าง ค้นคว้าบ้าง ก็ไม่ว่ากัน วิธีที่ 7 เป็นวิธีสำหรับชุมชน รวมถึงลูกครู ครอบครัวของครู ห้องสมุดจะมีหนังสือสำหรับลูกครูทุกระดับ มีการ์ตูนความรู้ เรื่องสั้นๆ รายงานของลูกครู ครอบครัวครู ตัวครูที่เรียนระดับปริญญาโท ก็มีหนังสือและข้อมูลไว้บริการ ชุมชน ศิษย์เก่า ต้องการคู่มือใช้ในการประกอบอาชีพ มาตรฐานเครื่องเรือน เครื่องใช้ไฟฟ้า ห้องสมุดก็มีมาตรฐานของ สมอ. และ คู่มือวิศวกรทุกสาขา มีทำเนียบวัสดุก่อสร้าง รวมถึง Data Standard ระดับสากล ไว้ให้ค้นคว้า ศิษย์เก่าที่จบแล้วไปประกอบอาชีพส่วนตัว จะย้อนกลับมาค้นคว้าในห้องสมุด มาอัปเดทข้อมูลข่าวสาร และนำเอกสารที่ตัวเองมีมอบให้กับห้องสมุด เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ห้องสมุดวิทยาลัยเทคนิคนครปฐมได้รับหนังสือบริจาคแต่ละปี มากกว่า ที่ได้รับจากการจัดซื้อตามงบประมาณ และหนังสือแต่ละเล่มจะเป็นหนังสือใหม่ มีคุณค่า หาซื้อไม่ได้ ร้านหนังสือในจังหวัด จะนำหนังสือมามอบให้ทุกปี เพราะเห็นว่าห้องสมุดบริการผู้ใช้ทุกระดับ และมีจำนวนผู้ใช้ห้องสมุดต่อวัน ปริมาณสูง นักศึกษา กว่าครึ่งเข้าห้องสมุดทุกวัน และเมื่อจบไปแล้ว ไปศึกษาต่อที่อื่น ก็ยังย้อนกลับมาเพราะมีหนังสือที่ตนเองต้องการ มากกว่าห้องสมุดใหม่ที่ตนไปศึกษา มีศิษย์เก่าคนหนึ่ง ไปเรียนต่อวิทยาลัยเทคนิคสมุทรปราการ เขียนเรียงความเรื่อง ห้องสมุดที่ประทับใจ ยังเขียนเรื่องห้องสมุดวิทยาลัยเทคนิคนครปฐม
วิธีที่ 8 จัดห้องสมุดให้เป็นสถานที่อบรมให้ความรู้ ห้องสมุดวิทยาลัยเทคนิคนครปฐม มีห้องประชุม และห้องอินเทอร์เน็ต ให้บริการจัดอบรม แก่ชุมชน ผู้ใช้ห้องสมุด แต่ละที่ไม่เหมือนกัน บรรณารักษ์ต้องเรียนรู้ธรรมชาติของผู้ใช้บริการ บรรณารักษ์ดี ต้องหน้าไม่งอ ยิ้มแย้มแจ่มใส อดทนที่จะสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ จนเกิดเป็นวัฒนธรรม ปฏิบัติตามๆ กัน จากรุ่นสู่รุ่น เมื่อนั้น ห้องสมุดจะกลายเป็นแหล่งเรียนรู้ที่แท้

ไม่มีความคิดเห็น: