มหาวิทยาลัยอัล อัซฮัร มีความเก่าแก่มากกว่ามหาวิทยาลัยอ๊อกซฟอร์ด ของอังกฤษ ก่อตั้งขึ้นครั้งแรก ไม่ได้เป็นสถาบันการศึกษาเหมือนดังปัจจุบัน แต่เพื่อเป็นมัสยิดหลวงของพวกฟาตีมียะห์ และเพื่อเป็นสัญลักษณ์ถึงการเผยแพร่แนวคำสอนของชีอะห์ ความคิดในเรื่องการใช้มัสยิดแห่งนี้เป็นสถาบันการศึกษานั้นพึ่งจะมาเริ่มในยุคสมัยคอลีฟะห์ อัลอาซีซ บิลลาห์ ซึ่งเป็นผลจากการเผยแพร่แนวคำสอนของชีอะห์อย่างจริงจัง ดังนั้นในปี ฮ.ศ. 378 เสนาบดียะกู๊บ อิบนุ กิลลิซ ซึ่งเป็นชาวยิวที่รับอิสลาม ได้แต่งตั้งนักวิชาการนิติศาสตร์จำนวน 37 ท่าน ให้ดำเนินการเรียนการสอนตามแนวทางชีอะห์ ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา มัสยิดญามิอ์ อัลอัซฮัร ก็กลายเป็นสถาบันทางการศึกษาหรือมหาวิทยาลัยที่สำคัญในโลกอิสลาม เหตุที่เรียกสถาบันทางการศึกษาซึ่งแต่ดั้งเดิมคือมัสยิดญามิอ์แห่งนี้ว่า อัลอัซฮัร ก็เพื่อว่าเป็นอนุสรณ์แก่ท่านหญิงฟาตีมะห์ อัซซะฮ์รอฮ์ บุตรีของท่านศาสนทูต บ้างก็ว่าที่เรียกเช่นนั้นก็เพราะมีบรรดาปราสาท และตำหนักของคอลีฟะห์ตลอดจนสวนดอกไม้ ที่ถูกสร้างอยู่รายรอบ มัสยิดญามิอ์ แห่งนี้ก็ได้กลับมาเป็นสถานที่ละหมาดวันศุกร์ และเป็นสถาบันทางวิชาการตามแนวทางของอะห์ลิซซุนนะห์ อัลญะมาอะห์ ในสมัยราชวงศ์ อัลอัยยูบีย์ ซึ่งมีท่านซอลาฮุดดีน เป็นปฐมราชวงศ์ และยังคงมีการเรียนการสอนในระดับอุดมศึกษาจวบจน (ปริญญาเอก) มาจนกระทั่งถึงทุกวันนี้ เปิดสอนหลักสูตร คณะศาสนศาสตร์ คณะนิติศาสตร์อิสลาม-สากล คณะอักษรศาสตร์ คณะศึกษาศาสตร์อิสลามและภาษาอาหรับ คณะนิเทศศาสตร์ คณะพาณิชยกรรมศาสตร์ คณะคุรุศาสตร์ คณะอักษรศาสตร์และการแปล คณะแพทย์ศาสตร์ คณะเภสัชกรรมศาสตร์ คณะทันตกรรมศาสตร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ คณะเกษตรศาสตร์
ห้องสมุดของมหาวิทยาลัย เป็นที่เก็บเอกสารหนังสือเก่า หนังสือหายาก และต้นฉบับตัวเขียน เอกสารที่เป็น
เอกสารเก่า จะมีการถ่ายไมโครฟีล์มเก็บไว้เพื่อให้บริการ ดังนั้น จึงมีแผนกสำหรับทำต้นฉบับไมโครฟีล์ม โดยเฉพาะ เจ้าหน้าที่ของห้องสมุดส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น